TLDR สรุปสั้นๆ
แปลงค่าตัวเลขในฐานต่าง ๆ ให้เป็นฐานสิบโดยระบุฐานของค่าที่ต้องการแปลง
คำอธิบาย
แปลงการแทนค่าตัวเลขที่อยู่ในฐานใด ๆ เป็นเลขฐานสิบ (decimal)
มีครั้งแรกในเวอร์ชันไหน
2013
รูปแบบคำสั่ง (Syntax)
DECIMAL(text, radix)
Arguments
-
text (Required – string)
ตัวเลขในรูปของข้อความที่ต้องการแปลงเป็นเลขฐานสิบ -
radix (Required – integer)
ฐานของตัวเลขที่ต้องการแปลง เป็นค่าจำนวนเต็มระหว่าง 2 ถึง 36
ตัวอย่างการใช้งาน (Examples)
-
Formula:
Description: แปลงค่าเลขฐานสิบหก (hexadecimal) "FF" เป็นเลขฐานสิบ (255)=DECIMAL("FF",16)
Result:255 เป็นเลขฐานสิบของ FF ในฐานสิบหก -
Formula:
Description: แปลงค่าเลขฐานสอง (binary) 111 เป็นเลขฐานสิบ (7)=DECIMAL(111,2)
Result:7 เป็นเลขฐานสิบของ 111 ในฐานสอง -
Formula:
Description: แปลงค่า "zap" ในฐาน 36 เป็นเลขฐานสิบ=DECIMAL("zap",36)
Result:45745 เป็นเลขฐานสิบของ 'zap' ในฐาน 36 -
Formula:
Description: แปลงตัวเลขฐานสอง 1101 เป็นเลขฐานสิบ=DECIMAL("1101", 2)
Result:13 แปลงจาก 1101 ในฐานสอง -
Formula:
Description: แปลงตัวเลขฐานแปด (octal) 745 เป็นเลขฐานสิบ=DECIMAL("745", 8)
Result:485 แปลงจาก 745 ในฐานแปด
Tips & Tricks
สำหรับการคำนวณที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่นการเงิน ควรใช้ข้อมูล ‘Decimal’ เพื่อกรอกข้อมูลในเชิงการเงินเพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดจากการปัดเศษ ใช้ฟังก์ชันนี้ร่วมกับฟังก์ชันการคำนวณอื่น ๆ เพื่อประมวลผลข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้ร่วมกับ IF เพื่อสร้างเงื่อนไขที่ซับซ้อนในการวิเคราะห์ข้อมูล
ข้อควรระวัง (Cautions)
ฟังก์ชัน DECIMAL อาจคืนค่าผิดพลาด (#NUM!, #VALUE!) ถ้าข้อมูลไม่สอดคล้องกับข้อกำหนด เช่น base ต้องเป็นจำนวนเต็มระหว่าง 2 ถึง 36 ค่าที่ต้องแปลงสามารถยาวได้ไม่เกิน 255 ตัวอักษร ควรระมัดระวังในการปัดเศษอย่างเหมาะสมในกระบวนการคำนวณและหลีกเลี่ยงการปัดเศษก่อนที่จะทำการคำนวณเสร็จสมบูรณ์ เพื่อรักษาความแม่นยำในการประมวลผล
ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้อง
References
- Microsoft Documentation
- Corporate Finance Institute
- The Bricks Guide
- Microsoft .NET Decimal Data Type
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ ❤️
Leave a Reply