TLDR สรุปสั้นๆ
IMSUM ใช้ในการหาผลรวมของเลขเชิงซ้อนหลายตัวในรูปของ x + yi หรือ x + yj.
คำอธิบาย
ฟังก์ชัน IMSUM ใน Excel ใช้ในการหาผลรวมของเลขเชิงซ้อน (complex numbers) ที่อยู่ในรูป x + yi หรือ x + yj โดยสามารถใช้ร่วมกับฟังก์ชันอื่น ๆ ที่จัดการกับเลขเชิงซ้อนเพื่อขยายความสามารถได้
มีครั้งแรกในเวอร์ชันไหน
2003
รูปแบบคำสั่ง (Syntax)
IMSUM(inumber1, [inumber2], ...)
Arguments
-
inumber1 (Required – Complex Number)
เลขเชิงซ้อนตัวแรกที่ต้องการหาผลรวม สามารถอยู่ในรูปตัวอักษรของเลขเชิงซ้อน เช่น “3+4i” หรือใช้ฟังก์ชัน COMPLEX เพื่อสร้างเลขเชิงซ้อน -
[inumber2] (Optional – Complex Number)
เลขเชิงซ้อนเพิ่มเติมที่ต้องการรวม (ใส่ได้สูงสุดถึง 255 ตัวเลข) สามารถใช้รูปแบบเดียวกับ inumber1
ตัวอย่างการใช้งาน (Examples)
-
Formula:
Description: หาผลรวมของเลขเชิงซ้อนสองตัว=IMSUM("3+6i","5-2i")
Result:8+4i (ผลลัพธ์เป็นเลขเชิงซ้อนที่เป็นผลรวมของส่วนจริงและส่วนจินตภาพ) -
Formula:
Description: หาผลรวมของเลขเชิงซ้อนสามตัว=IMSUM("7+3i", "4+i", "-3+2i")
Result:8+6i (ตัวเลขแต่ละตัวรวมกันที่ส่วนจริงและส่วนจินตภาพ) -
Formula:
Description: ใช้ฟังก์ชัน COMPLEX สร้างเลขเชิงซ้อนก่อนหาผลรวม=IMSUM(COMPLEX(5, 3), COMPLEX(3, -3))
Result:8+0i (เหลือแต่ส่วนจริงเพราะส่วนจินตภาพหักล้างกัน) -
Formula:
Description: การใช้ฟังก์ชัน IMSUB เพื่อลดก่อนแล้วค่อยรวม=IMSUM("4+3j", IMSUB("5-2j", "3+j"))
Result:6+4j (ลดเลขเชิงซ้อนก่อน รวมกับอีกตัว) -
Formula:
Description: ผลรวมเลขตรงข้ามกันของเลขเชิงซ้อน=IMSUM("2+i", "-2-i")
Result:0+0i (ค่าที่ได้เป็นศูนย์เมื่อลดตัวเลขที่มีค่าเท่ากันแต่ตรงข้ามกันในทั้งสองส่วน)
Tips & Tricks
สามารถใช้ IMSUM ร่วมกับฟังก์ชันเลขเชิงซ้อนอื่น ๆ เช่น IMREAL และ IMAGINARY เพื่อจัดการกับเฉพาะส่วนจริงหรือส่วนจินตภาพตามต้องการ
ข้อควรระวัง (Cautions)
ต้องระวังในการป้อนค่าที่เป็นเลขเชิงซ้อนให้ตรงกับรูปแบบ เช่นใส่เครื่องหมาย + และ i หรือ j อย่างถูกต้อง มิฉะนั้นจะทำให้เกิดข้อผิดพลาดในฟังก์ชัน
ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้อง
References
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ ❤️
Leave a Reply