TLDR สรุปสั้นๆ
IMTAN คำนวณแทนเจนต์ของจำนวนเชิงซ้อนโดยอยู่ในรูปแบบ x+yi หรือ x+yj หากค่าไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาด
คำอธิบาย
ฟังก์ชัน Excel IMTAN ใช้เพื่อหาค่า tangent ของจำนวนเชิงซ้อนที่อยู่ในรูปแบบ x+yi หรือ x+yj โดยที่ค่า x เป็นส่วนจริงและ y เป็นส่วนจินตภาพของจำนวนเชิงซ้อน
มีครั้งแรกในเวอร์ชันไหน
2013
รูปแบบคำสั่ง (Syntax)
IMTAN(inumber)
Arguments
-
inumber (Required – string)
จำนวนเชิงซ้อนที่ต้องการหาค่า tangent ซึ่งต้องอยู่ในรูปแบบข้อความ x+yi หรือ x+yj
ตัวอย่างการใช้งาน (Examples)
-
Formula:
Description: หา tangent ของจำนวนเชิงซ้อน 4+3i=IMTAN("4+3i")
Result:0.00490825806749606+1.00070953606723i (ผลลัพธ์เป็นจำนวนเชิงซ้อน) -
Formula:
Description: หา tangent ของจำนวนเชิงซ้อนที่สร้างจากฟังก์ชัน COMPLEX โดยมีส่วนจริง 1 และส่วนจินตภาพ 1=IMTAN(COMPLEX(1,1))
Result:0.271752585319512+1.08392332733869i (ผลลัพธ์เป็นจำนวนเชิงซ้อน) -
Formula:
Description: หา tangent ของจำนวนจินตภาพบริสุทธิ์ 0+1i=IMTAN("0+1i")
Result:0.761594155955765+0i (ผลลัพธ์มีเฉพาะส่วนจริง)
Tips & Tricks
การใช้ฟังก์ชัน IMTAN ร่วมกับฟังก์ชัน COMPLEX จะช่วยให้สร้างจำนวนเชิงซ้อนแบบ dynamic จากค่าในเซลล์ได้ เช่น ‘IMTAN(COMPLEX(A1, B1))’ โดยที่ A1 คือส่วนจริง, B1 คือส่วนจินตภาพ ในกรณีที่ต้องการประเมินค่าของฟังก์ชันนี้จากข้อมูลมากๆ การใช้ฟังก์ชั่นอื่นๆ ใน Excel เช่น CONCATENATE หรือ TEXTJOIN ร่วมด้วยจะช่วยให้การเตรียมข้อความ x+yi ง่ายขึ้น
ข้อควรระวัง (Cautions)
ควรระวังในการใส่ค่า inumber เพราะถ้าไม่ได้อยู่ในรูปแบบ x+yi หรือ x+yj จะเกิดข้อผิดพลาด #NUM! และถ้าค่า inumber เป็นค่า logic จะเกิดข้อผิดพลาด #VALUE! ค่าตอบกลับอาจไม่ใช่ที่คาดหวังเมื่อใช้จำนวนจริงที่ใหญ่เกินไปเนื่องจากข้อจำกัดของ Excel ในการจัดการกับการคำนวณที่ซับซ้อน
ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้อง
References
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ ❤️
Leave a Reply