TLDR สรุปสั้นๆ
MINA หาค่าต่ำสุดจากชุดข้อมูลที่รับค่าลอจิคอล TRUE/FALSE และข้อความที่แทนตัวเลขได้ด้วย
คำอธิบาย
ฟังก์ชัน MINA จะหาค่าที่น้อยที่สุดจากกลุ่มข้อมูลที่กำหนดได้ โดยฟังก์ชันนี้สามารถนำค่าประเภทข้อมูลที่หลากหลาย เช่น ตัวเลข ค่าตัวเลขจากตัวอักษร และค่าลอจิคอล เช่น TRUE หรือ FALSE เข้ามาคำนวณได้
มีครั้งแรกในเวอร์ชันไหน
Excel Version 2003 หรือก่อนหน้า
รูปแบบคำสั่ง (Syntax)
MINA(value1, [value2], ...)
Arguments
-
value1 (Required – any)
เป็นค่าที่ต้องการหาค่าต่ำสุด ค่านี้ต้องระบุ -
value2 (Optional – any)
ค่าที่ต้องการหาค่าต่ำสุดต่อจาก value1 (เป็นตัวเลือก สามารถระบุได้ถึง 255 ค่า)
ตัวอย่างการใช้งาน (Examples)
-
Formula:
Description: หาค่าต่ำสุดจากช่วง A2 ถึง A6 ซึ่งมีข้อมูลรวม FALSE ซึ่งถูกคิดเป็นค่า 0 ทำให้เป็นค่าสุดท้ายที่ต่ำสุด=MINA(A2:A6)
Result:0 -
Formula:
Description: หาค่าต่ำสุดจากตัวเลขและค่าลอจิคอลในรายการ ซึ่ง TRUE จะถูกคิดเป็นค่า 1=MINA(1200, "200", 300, TRUE, "150")
Result:1 -
Formula:
Description: หาค่าต่ำสุดที่มีการประเมินค่า TRUE เป็น 1 และ FALSE เป็น 0 ทำให้ได้ผลลัพธ์คือ 0=MINA(2, "3", TRUE, FALSE, 5)
Result:0 -
Formula:
Description: สำหรับการตรวจสอบสถานะงานที่เสร็จสิ้น โดยจะแสดงค่า 0 ถ้ามีอย่างน้อยหนึ่งงานที่ไม่เสร็จสิ้น=MINA(TRUE, FALSE, TRUE, TRUE)
Result:0 -
Formula:
Description: หาค่าต่ำสุดในสถานการณ์ที่มีการใช้งานค่าลอจิคอลและตัวเลขแบบข้อความ, FALSE จะคำนวณเป็น 0=MINA(100, 200, "250", FALSE)
Result:0
Tips & Tricks
ใช้ MINA เพื่อประเมินค่าที่มี both numeric และ logical values ใน dataset ช่วยให้คุณเห็นค่าที่น้อยที่สุดรวมทั้ง TRUE/FALSE หรือ text ซึ่งคำนวณเป็นตัวเลข.
ข้อควรระวัง (Cautions)
MINA ฟังก์ชันจะรวมค่าลอจิคอล (TRUE, FALSE) ซึ่ง TRUE จะเป็น 1 และ FALSE เป็น 0 ดังนั้นแม้ว่าตัวเลขจะไม่มีค่า 0 อยู่ใน dataset ก็ยังสามารถให้ผลลัพธ์เป็น 0 ได้ถ้ามี FALSE อยู่ ซึ่งต้องระวังเมื่อใช้กับข้อมูลจริง
ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้อง
References
- MINA function official documentation
- MINA function detailed explanation
- Exceljet MINA function guide
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ ❤️
Leave a Reply