TLDR สรุปสั้นๆ
VARPA ใช้คำนวณความแปรปรวนจากประชากรทั้งหมดที่มี รวมค่าลอจิเคิลและข้อความที่เป็นตัวเลขในการคำนวณได้
คำอธิบาย
VARPA ใช้ในการคำนวณความแปรปรวนที่อ้างอิงจากประชากรทั้งหมดในข้อมูลที่มี ซึ่งไม่สนใจว่าค่าจะเป็นตัวเลข, ข้อความ หรือค่าลอจิคอล
มีครั้งแรกในเวอร์ชันไหน
Excel 2003
รูปแบบคำสั่ง (Syntax)
VARPA(value1, [value2], ...)
Arguments
-
value1 (Required – number)
ค่าหรือช่วงของข้อมูลที่ต้องใช้ในการคำนวณ เป็นข้อมูลจำเป็น -
value2 (Optional – number)
ค่าหรือช่วงเพิ่มเติมที่ต้องการใช้ในการคำนวณ ไม่จำเป็น สามารถใส่ได้สูงสุด 255 ค่า
ตัวอย่างการใช้งาน (Examples)
-
Formula:
Description: คำนวณความแปรปรวนของกำลังการแตกหักของวัสดุทั้งหมดในช่วง A2 ถึง A11 โดยถือว่าเป็นประชากรทั้งหมด (10 ชิ้น)=VARPA(A2:A11)
Result:678.84 (ค่าตัวเลข) -
Formula:
Description: ใช้ VAR เพื่อคำนวณความแปรปรวน โดยถือว่าเป็นตัวอย่างของประชากร ซึ่งให้ผลลัพธ์ต่างจาก VARPA=VAR(A2:A11)
Result:754.27 (ค่าตัวเลข) -
Formula:
Description: คำนวณความแปรปรวนของข้อมูลที่มีจำนวนจริง ค่า TRUE และข้อความที่เป็นตัวเลข รวมถึง FALSE=VARPA({1, TRUE, "5", FALSE})
Result:2.1875 (ค่าตัวเลข) -
Formula:
Description: เมื่อ D1 ถึง D20 เป็นค่าที่นำมาใช้ในการคำนวณความแปรปรวนเพื่อประเมินผลการผลิต=VARPA(D1:D20)
Result:แสดงค่าตัวเลขตามข้อมูลในเซลล์ (ค่าตัวเลข) -
Formula:
Description: ใช้ฟังก์ชัน AVERAGE คำนวณค่าเฉลี่ยควบคู่ไปกับ VARPA เพื่อดูระดับความแปรปรวนของค่าในช่วง B1 ถึง B10=AVERAGE(B1:B10) & ", " & VARPA(B1:B10)
Result:"ค่าเฉลี่ย, ค่าความแปรปรวน" (ข้อความ)
Tips & Tricks
ถ้าข้อมูลมีค่าที่เป็น TRUE หรือ FALSE, Excel จะตีค่า TRUE เป็น 1 และ FALSE เป็น 0 คำนวณภายในฟังก์ชัน VARPA สามารถรวมค่าข้อความที่เป็นตัวเลขได้ เช่น “5”
ข้อควรระวัง (Cautions)
VARPA ใช้สำหรับคำนวณความแปรปรวนจากประชากรทั้งหมด ถ้าแค่มีข้อมูลบางส่วนควรใช้ VARA หรือถ้าไม่ต้องการคำนวณค่าที่ไม่ใช่ตัวเลขควรใช้ VAR.P
ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้อง
References
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ ❤️
Leave a Reply