คืนค่า TRUE เมื่อคอลัมน์ถูกจำกัดโดยตรงให้เหลือค่าเดียวในบริบทปัจจุบัน ใช้ทำเงื่อนไขควบคุมการคำนวณ/การแสดงผล
=HASONEFILTER(<ColumnName>)
=HASONEFILTER(<ColumnName>)
| Argument | Type | Required | Default | Description |
|---|---|---|---|---|
| ColumnName | column | Yes | คอลัมน์ที่ต้องการตรวจว่าถูกจำกัดโดยตรงให้เหลือค่าเดียวหรือไม่ |
เช่น การ์ดที่ต้องการแสดงยอดของหมวดเดียวเท่านั้น ถ้าเลือกหลายหมวดให้แสดงค่าว่าง
เช่น เปลี่ยนข้อความ/ตัวชี้วัดเมื่อผู้ใช้เลือกค่าเดียว vs เลือกหลายค่า
ยอดขาย (เลือกหมวดเดียวเท่านั้น) = IF( HASONEFILTER('Product'[Category]), [Sales Amount], BLANK() )=ยอดขาย (เลือกหมวดเดียวเท่านั้น) =
IF(
HASONEFILTER('Product'[Category]),
[Sales Amount],
BLANK()
)
ถ้าเลือก Category เดียวจะแสดงยอดขาย ถ้าเลือกหลายค่า/ไม่เลือกจะเป็นค่าว่าง
สถานะการเลือก = IF( HASONEFILTER('Customer'[CountryRegion]), "เลือกค่าเดียว", "เลือกหลายค่า/ไม่เลือก" )สถานะการเลือก =
IF(
HASONEFILTER('Customer'[CountryRegion]),
"เลือกค่าเดียว",
"เลือกหลายค่า/ไม่เลือก"
)
ข้อความบอกสถานะการเลือกของผู้ใช้
แนวคิด: HASONEFILTER ตรวจ direct filter ส่วน HASONEVALUE ตรวจจำนวนค่าที่เหลือในบริบท (อาจได้รับอิทธิพลจากความสัมพันธ์)=แนวคิด: HASONEFILTER ตรวจ direct filter
ส่วน HASONEVALUE ตรวจจำนวนค่าที่เหลือในบริบท (อาจได้รับอิทธิพลจากความสัมพันธ์)
ช่วยเลือกใช้ฟังก์ชันให้เหมาะกับเจตนา
HASONEFILTER เน้นตรวจการจำกัดโดยตรงที่คอลัมน์นั้น ส่วน HASONEVALUE เน้นตรวจว่าบริบทสุดท้ายเหลือค่าเดียวหรือไม่ ซึ่งอาจได้รับผลจากความสัมพันธ์/การคำนวณอื่น
มักใช้ SELECTEDVALUE เพื่อดึงค่าที่เลือก (ถ้าเลือกค่าเดียว) และใส่ค่าดีฟอลต์ได้
HASONEFILTER คืนค่า TRUE เมื่อคอลัมน์ที่ระบุถูก “จำกัดโดยตรง” ให้เหลือค่าเดียวในบริบทปัจจุบัน มักใช้ทำเงื่อนไขใน IF เพื่อควบคุมการแสดงผล/คำนวณ เช่น ให้แสดงค่าเฉพาะเมื่อผู้ใช้เลือกค่าเดียวใน slicer