ตัวอย่างที่ 1: หาวันที่ 10 วันทำงานถัดไปจาก 1 ม.ค. 2025
=WORKDAY("2025-01-01", 10)
15/01/2025
หาวันที่ทำงานถัดไป/ย้อนหลังจากวันที่กำหนด
WORKDAY คืนค่าวันที่ทำงาน (Workday) ที่อยู่ถัดจากวันที่เริ่มต้นเป็นจำนวนวันที่กำหนด สามารถบวกหรือลบวันได้ และหักวันหยุดสุดสัปดาห์ (เสาร์-อาทิตย์) และวันหยุดพิเศษที่ระบุออกได้
=WORKDAY(start_date, days, [holidays])
=WORKDAY(start_date, days, [holidays])
| Argument | Type | Required | Default | Description |
|---|---|---|---|---|
| start_date | Date | Yes | วันที่เริ่มต้น | |
| days | Number | Yes | จำนวนวันทำงานที่ต้องการบวก/ลบ (บวก=ถัดไป, ลบ=ย้อนหลัง) | |
| holidays | Range/Array | Optional | empty_range | ช่วงข้อมูลวันหยุดนักขัตฤกษ์ที่ต้องการหักออก |
เมื่อรับออเดอร์วันนี้ กำหนดวันส่งมอบ 10 วันทำงานหลังจากนี้
กำหนดวันชำระเงินให้เป็น 30 วันทำงานหลังจากวันที่ออกใบแจ้งหนี้
ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของงาน และใช้เวลา 5 วันทำงาน หาว่าเริ่มงานวันไหน
=WORKDAY("2025-01-01", 10)
15/01/2025
=WORKDAY("2025-01-01", 10, HolidayList)
17/01/2025
=WORKDAY(TODAY(), -5)
25/11/2025 (ตัวอย่าง)
WORKDAY.INTL สามารถกำหนดวันหยุดสุดสัปดาห์เองได้ (เช่น วันศุกร์-เสาร์) ส่วน WORKDAY จะใช้แค่เสาร์-อาทิตย์เป็นวันหยุด
ฟังก์ชัน WORKDAY ใช้สำหรับคำนวณหาวันที่ทำงานที่อยู่ถัดไป (หรือย้อนหลัง) จากวันที่เริ่มต้นเป็นจำนวนวันทำงานที่กำหนด โดยจะหักวันหยุดสุดสัปดาห์ (เสาร์-อาทิตย์) และวันหยุดนักขัตฤกษ์ออกโดยอัตโนมัติ เหมาะสำหรับคำนวณวันครบกำหนดส่งงาน หรือวันนัดหมายที่ต้องเป็นวันทำงาน