ถ้าเพื่อนๆ สังเกต จะพบว่า อาจารย์สอน Excel แต่ละคนจะมีความถนัดและความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน… บางคนชอบเขียนสูตร, บางคนชอบ Pivot, บางคนชอบ VBA (เวลาแก้ปัญหาเรื่องเดียวกัน ก็มักจะใช้เครื่องมือที่ตัวเองถนัด)
แต่สำหรับผม…
ต้องยอมรับแบบไม่อายเลยว่า เครื่องมือที่ผมเชียร์หนักที่สุดแบบตัวท็อป คือ… ✨ Power Query ✨ (ถ้าติดตามเพจผมมาซักพักน่าจะพอสังเกตได้เนอะ 😂)
Power Query ไม่ใช่แค่เครื่องมืออีกตัว แต่มันคือ ตัวเปลี่ยนเกม ระดับ “เปลี่ยนชีวิตการทำงาน” ของผมเลยครับ
Power Query คืออะไร (เผื่อใครยังไม่คุ้น)
Power Query = เครื่องมือ ดึง–แปลง–โหลดข้อมูล (ETL = Extract–Transform–Load) ที่ที่เรา กำหนดขั้นตอน “การจัดการ/ทำความสะอาดข้อมูล” ไว้ครั้งเดียว
แล้วหลังจากนั้นทุกเดือน ทุกสัปดาห์ ทุกครั้งที่ข้อมูลมาใหม่…
แค่ กด Refresh ทีเดียว ชีวิตก็จบ 🎉
ผลลัพธ์ที่ได้จะถูก โหลดเป็นข้อมูลเป็นค่าคงที่ ใน Sheet (หรือส่งเข้า Data Model) ไม่หน่วง ไม่ recalculation วุ่นวายแบบสูตร แต่ยังสามารถอัปเดตใหม่ได้ทุกครั้งที่กด Refresh เรียกได้ว่าโกงสุดๆ ได้ทั้งความเร็วและความ Flexible ในคราวเดียว
ทำไมผมถึงเชียร์มันหนักขนาดนั้น?
1) ประหยัดเวลาการทำงาน Routine แบบโกง ๆ
เมื่อก่อน: สิ้นเดือนทีไร ผมต้อง:
- โหลดไฟล์ข้อมูลออกจากระบบ
- ก๊อปชีต
- ลบหัวตารางซ้ำ
- รวมหลายๆ ไฟล์เข้าด้วยกัน
- แก้ข้อมูล
- ลบแถวว่าง
วนไป 1–2 ชั่วโมงทุกเดือน
ปัจจุบัน: กำหนด Step ไว้ครั้งเดียว → เดือนถัดไปโยนไฟล์เข้าโฟลเดอร์เดิม → Refresh → เสร็จภายใน 5 วิ 😅
ของดีที่ต้องลอง
- Remove Top Rows / Use First Row as Headers
- Detect Data Type / Fill Down / Trim
- Split Column / Extract / Column from Example
- Group By / Pivot / Unpivot
- Merge / Append Query
- และอีกมากมาย ของพวกนี้ช่วยเคลียร์ข้อมูลรกๆ ได้ไวมาก
และถ้าใครอยากเห็นภาพ ลองดูคลิปนี้ครับ
อีกทีเด็ดที่โคตรสะดวกคือ Get Data > From Folder
แล้ว Combine Files รวมไฟล์ทั้งโฟลเดอร์ให้แบบอัตโนมัติ
แถมยังแก้ขั้นตอนของ “ไฟล์แม่แบบ” ได้อีกด้วย ยืดหยุ่นมาก
- และเรายังสามารถแก้ไขวิธีการจัดการไฟล์แต่ละอันก่อนรวมได้ด้วยการแก้ Transform Sample File อีก ยืดหยุ่นสุดๆ
2) เรียนครั้งเดียว ใช้ได้ทั้ง Excel และ Power BI
Skill เดียว ใช้คุ้มสองโลก:
- ใน Excel: ป้อนข้อมูลสะอาดให้ Pivot/Table/สูตร
- ใน Power BI: ป้อนข้อมูลพร้อมเข้าระบบ Model ทำ Dashboard ระดับผู้บริหาร
พูดง่ายๆ คือเรียนรอบเดียว คุ้มสองจักรวาล ของสุดยอดโปรแกรมเรื่องสาย Data ในยุคนี้ 💸 ที่สำคัญ หากในอนาคตถ้าจะย้ายจาก Excel ไปใช้ Power BI สามารถ Copy Query ที่เคยทำไว้ใน Excel ไปแปะใน Power BI ได้เลย ไม่ต้องทำใหม่ด้วย ไม่มี Waste! จะมีอะไรคุ้มกว่านี้อีกไหม 5555
3) เป็นประตูสู่ Data Model + DAX
Power Query คือประตูทางเข้าที่พาเราไปสู่ Data Model
และเมื่อเข้า Model แล้ว เกมเปลี่ยนแน่นอน เพราะว่าเราจะสามารถ
- สรุปข้อมูลได้จากหลายตารางโดยไม่ต้องมีการ Lookup
- สามารถคำนวณอะไรที่ซับซ้อนใน Pivot ได้ โดยไม่ต้องสร้างคอลัมน์ช่วย แบบการเขียนสูตรยุคเดิม แล้วใช้ DAX เขียน Measure ที่ซับซ้อนได้ เช่น YOY, Actual vs Target, Time Intelligence ฯลฯ
แปลว่า Workflow แบบมืออาชีพคือ: PQ ทำความสะอาด → Model ความสัมพันธ์ → DAX คำนวณ → Pivot/Visual นำเสนอ แล้วทุกอย่างจบได้ด้วยการกด Refresh ปุ่มเดียว!
4) No Code ก็ได้ / Low Code ก็ดี
- No Code: แค่คลิกเมนูก็แก้ได้เกือบ 80% ของเคสในชีวิตปกติแล้ว
- Low Code: เมื่อเจอเคสยาก เช่น เงื่อนไขแปลก, แปลงโครงสร้างพิสดาร, หรือเจอข้อมูลที่อยู่ในตำแหน่งที่ไม่แน่นอน→ สามารถแก้ไข M Code ที่ PQ สร้างให้อัตโนมัติ แล้วปรับนิดหน่อย เพราะ M Code มีฟังก์ชันสำเร็จรูปมหาศาล ซึ่งเยอะกว่าสูตร Excel มาก
ข้อดีคือ เราไม่ต้องเลือกว่าจะเป็นสายโค้ดหรือไม่โค้ด เพราะ Power Query มันให้เราผสมทั้งสองแบบได้ ยืดหยุ่นสุดๆ!!
5) คิดแบบนัก Data จริงๆ (Mindset เปลี่ยน)
ถ้าลงลึกใน M Code
เราจะเริ่มคิดแบบ Pipeline เหมือน Pandas ใน Python
ทำให้ต่อยอดไป BI หรือ Python ได้ง่ายขึ้นเยอะ
ตอนนี้มี Python in Excel อีก
พูดง่าย ๆ คือโลกของ Excel มันกว้างจนอยากลงไปเล่นทุกวัน 555
สรุป
ใครที่ทำงานข้อมูลแล้วอยาก:
- ลดเวลางานซ้ำ ๆ
- อยากได้เครื่องมือที่ “ทรงพลังแต่ออกตัวง่าย”
- อยากปูทางไปสู่ Data Model / DAX / Power BI
Power Query คือเครื่องมือที่ผมอยากให้ลองจริง ๆ
มันง่ายกว่าสูตร Excel ยุ่ง ๆ เยอะมาก
โดยเฉพาะสูตรพวก LET, LAMBDA ที่สายตามือใหม่อาจร้องไห้ก่อนเขียนครบ 1 บรรทัด 😂
เพื่อน ๆ คนไหนชอบ Power Query เพราะอะไร มาแชร์ประสบการณ์กันได้เลยครับ
หรือมีตรงไหนสงสัย ผมยินดีช่วยตอบนะ 😊



