ถ้าเพื่อนๆ สังเกต จะพบว่า อาจารย์สอน Excel แต่ละคนจะมีความถนัดและความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน… บางคนชอบเขียนสูตร, บางคนชอบ Pivot, บางคนชอบ VBA (เวลาแก้ปัญหาเรื่องเดียวกัน ก็มักจะใช้เครื่องมือที่ตัวเองถนัด)
ส่วนผม… บอกตรงๆ ว่ามีเครื่องมือตัวโปรดที่เชียร์แบบออกนอกหน้าเว่อร์ๆ นั่นก็คือ Power Query แบบยืนหนึ่งเลยครับ (ถ้าติดตามเพจผมมาน่าจะพอสังเกตได้เนอะ
 (ถ้าติดตามเพจผมมาน่าจะพอสังเกตได้เนอะ  )
)
มันไม่ใช่แค่เครื่องมืออีกตัว แต่มันคือ ตัวเปลี่ยนเกม ในการทำงานกับข้อมูลจริงๆ
สารบัญ
Power Query คืออะไร (เผื่อไม่รู้จัก)
ถ้าพูดแบบง่ายที่สุด Power Query คือ “เครื่องมือดึงและแปลงข้อมูล (Extract–Transform–Load)” ที่ให้เรากำหนด ขั้นตอน (Steps) ไว้ครั้งเดียว จากนั้นกด Refresh ทีเดียวก็ให้มันทำซ้ำตามขั้นตอนเดิมทุกครั้งที่มีข้อมูลชุดใหม่เข้ามา
ผลลัพธ์ที่ได้จะถูก โหลดเป็นข้อมูลเป็นค่าคงที่ ใน Sheet (หรือส่งเข้า Data Model) ทำให้ไฟล์ไม่หน่วงเหมือนงานที่เขียนสูตรเต็มไปหมด แต่ยังสามารถอัปเดตใหม่ได้ทุกครั้งที่กด Refresh เรียกได้ว่าโกงสุดๆ ได้ทั้งความเร็วและความ Flexible ในคราวเดียว
ทำไมผมถึง “เชียร์” ขนาดนั้น
1) ประหยัดเวลางาน Routine แบบบ้าพลัง
อดีต: ทุกสิ้นเดือนต้องโหลดไฟล์ขายจากระบบ, ก๊อปชีต, ลบหัวตารางซ้ำ, แก้คอลัมน์วันที่, รวมสาขา, ลบแถวว่าง… วนไป 1–2 ชั่วโมง
ปัจจุบัน: กำหนด Step ใน Power Query แค่ครั้งเดียว → เดือนถัดไปวางไฟล์ใหม่ในโฟลเดอร์เดิม → กด Refresh → จบใน 5 วินาที 😅
เคล็ดลับที่ชอบ:
- กำหนดขั้นตอน เช่น Remove Top Rows/Use First Row as Headers, Detect Data Type/ Fill Down / Trim/Split Column/Extract Data/Column From Example และอีกมากมาย ของพวกนี้ช่วยเคลียร์ข้อมูลรกๆ ได้ไวมาก
- ยังรองรับการเปลี่ยนโครงสร้างข้อมูลไปเลย เช่นพวก Group by, Pivot Column, Unpivot Column, Merge / Append Query อีกเยอะแยะ
ใครอ่านแล้วงง อยากเห็นภาพ ลองดูคลิปนี้ได้
- สามารถใช้ Get Data > From Folder แล้วกดปุ่ม Combine Files รวมไฟล์ใน Folder เดียวกันโดยให้ PQ สร้างฟังก์ชันรวมไฟล์ให้เลยแบบอัตโนมัติ
- และเรายังสามารถแก้ไขวิธีการจัดการไฟล์แต่ละอันก่อนรวมได้ด้วยการแก้ Transform Sample File อีก ยืดหยุ่นสุดๆ
2) เรียนครั้งเดียว ใช้ได้ทั้ง Excel และ Power BI
Skill เดียวไปได้สองแพลตฟอร์ม
- ใน Excel: ป้อนข้อมูลสะอาดให้ Pivot/Table/สูตร
- ใน Power BI: ป้อนข้อมูลพร้อมเข้าระบบ Model ทำ Dashboard ระดับผู้บริหาร
พูดง่ายๆ คือเรียนรอบเดียว คุ้มสองจักรวาล ของสุดยอดโปรแกรมเรื่องสาย Data ในยุคนี้ 💸 ที่สำคัญ หากในอนาคตถ้าจะย้ายจาก Excel ไปใช้ Power BI สามารถ Copy Query ที่เคยทำไว้ใน Excel ไปแปะใน Power BI ได้เลย ไม่ต้องทำใหม่ด้วย ไม่มี Waste! จะมีอะไรคุ้มกว่านี้อีกไหม 5555
3) เป็นประตูสู่ Data Model + DAX
Power Query คือด่านแรกก่อนส่งข้อมูลเข้า Data Model (ทั้งใน Power BI และ Power Pivot ของ Excel)
พอเข้า Data Model แล้ว เราจะสรุปทุกอย่างใน Pivot ได้ โดยไม่ต้องสร้างคอลัมน์ช่วย แบบการเขียนสูตรยุคเดิม แล้วใช้ DAX เขียน Measure ที่ซับซ้อนได้ เช่น
- ยอดปีนี้เทียบปีก่อน (YOY)
- Actual vs Target
- Time Intelligence เปรียบเทียบช่วงเวลาอื่นๆ
- แสดงรายชื่อลูกค้าหรือสินค้าที่ขายดีที่สุด 3 อันดับ อะไรแบบนี้
- และอีกมากมายไร้ขีดจำกัด (ลองไปดูในนี้ https://www.daxpatterns.com/ แล้วจะอึ้งต่อศักยภาพของ DAX)
แปลว่า Workflow แบบมืออาชีพคือ: PQ ทำความสะอาด → Model ความสัมพันธ์ → DAX คำนวณ → Pivot/Visual นำเสนอ แล้วทุกอย่างจบได้ด้วยการกด Refresh ปุ่มเดียว!
4) No Code ก็ได้ / Low Code ก็ดี
- No Code: คลิกเมนูอย่างเดียวก็ตอบโจทย์ไปได้ไกลมาก ส่วนตัวประเมินได้ราวๆ 70–80% ของเคสทั้งหมด สามารถจบได้แค่เอา Mouse จิ้มเมนูใน Power Query
- Low Code: เมื่อเจอเคสยาก เช่น เงื่อนไขแปลก, แปลงโครงสร้างพิสดาร, หรือเจอข้อมูลที่อยู่ในตำแหน่งที่ไม่แน่นอน→ สามารถแก้ไข M Code ที่ PQ สร้างให้อัตโนมัติ แล้วเติม/ปรับนิดหน่อย ก็รับมือได้หลากหลายขึ้นอีกเยอะ เพราะ M Code มีฟังก์ชันสำเร็จรูปมหาศาลเกือบพันฟังก์ชัน ซึ่งเยอะกว่าสูตร Excel มาก
ข้อดีคือ เราไม่ต้องเลือกว่าจะเป็นสายโค้ดหรือไม่โค้ด เพราะ Power Query มันให้เราผสมทั้งสองแบบได้ ยืดหยุ่นสุดๆ!!
5) คิดแบบนัก Data จริงๆ (Mindset เปลี่ยน)
พอลงลึก M Code จะเริ่มคุ้นกับแนวคิดการแปลงข้อมูลเชิงลำดับขั้น (เหมือน Pandas ใน Python) มากกว่าสูตร Excel เดิมๆ
ผลพลอยได้คือ ถ้าวันหนึ่งจะขยับไปสู่ BI/Python เต็มตัว ก็สามารถปรับตัวได้ไว แล้วใช้เวลาเรียนรู้ไม่นานเลย เพราะวิธีคิดมันคล้ายกันพอสมควร (แถมตอนนี้มี Python in Excel ให้ลองเล่นอีกต่างหาก แปลว่าเราต่อยอดใน Excel ทำ Machine Learning ได้อีกนะ)
ตัวอย่าง Case : จาก 2 ชั่วโมง เหลือไม่ถึง 5 นาที
สถานการณ์: ทีมการขายส่งไฟล์ยอดขายรายสาขามาให้ทุกอาทิตย์ (CSV หลายไฟล์ โครงสร้างเหมือนกัน ต่างกันแค่ช่วง period ของข้อมูล) แล้วหัวหน้าขอ Pivot รวมทั้งบริษัท + แยกตามภูมิภาค + ตัดสินใจโปรโมชันรายเดือน
เวอร์ชันเดิม ( Manual หรือ สูตรล้วน):
- เปิด CSV ทีละไฟล์ → ก๊อปมาวางชีต “รวม”
- แก้วันที่, ลบคอลัมน์ที่ไม่ใช้, Extract ข้อมูลที่ต้องการ, คำนวณคอลัมน์เพิ่ม, lookup ข้อมูลที่อยากได้
- บางเรื่องเขียนสูตรแก้ปัญหาได้ แต่บางเรื่องการแก้ปัญหาด้วยสูตรนั้นยากมาก โดยเฉพาะกรณีโครงสร้าง Data ที่เอามารวมนั้นผิดรูปแบบ (เช่นมีการกระจาย Data ออกเป็นหลายคอลัมน์โดยไม่จำเป็น)
- รวมเสร็จค่อย Pivot
 ทำทุกสัปดาห์… เหนื่อยและเสี่ยงพลาดสูง (หรืออาจมีเขียนสูตรทิ้งไว้แล้ว แต่ถ้าสูตรเยอะๆ ก็อาจจะจะหน่วงๆ หน่อย แบบแค่เปิดไฟล์ Excel ขึ้นมาก็รอ Calculate…ไป 5-10 นาทีแล้ว 😭)
เวอร์ชัน Power Query:
- วางไฟล์ทุกอาทิตย์ลงโฟลเดอร์เดียวกัน
- Excel → Data → Get Data > From Folder
- Combine & Transform → PQ สร้างตัวอย่างการรวมให้อัตโนมัติ
- ทำการกำหนด Step แปลงข้อมูล:
- อาจมี Remove Top Rows / ใช้ Use First Row as Headers
- แปลง Data Type ให้ถูก (วันที่/จำนวนเงิน)
- Add Column ที่ต้องการเพิ่ม
- Merge Query เพื่อดึงข้อมูลจากตารางอ้างอิงทีเดียวหลายๆ คอลัมน์ได้เลย
- Remove Columns ที่ไม่ใช้
 
- Close & Load → เลือกว่าโหลดลงชีตหรือเข้า Data Model
- รอบหน้ามีไฟล์เพิ่ม? แค่โยนลงโฟลเดอร์เดิม → Refresh → Pivot อัปเดตอัตโนมัติ
ผลลัพธ์:
- คนทำงาน: จาก 2 ชั่วโมง เหลือไม่ถึง 5 นาที (จริงๆ คือยืนจิบกาแฟแล้วกด Refresh 😎) แถมถ้าพ่วงกับ Pivot/กราฟ ก็อัปเดตทันทีเลยด้วย เรียกว่า ไม่ใช่แค่เตรียม Data เสร็จ แต่จบรายงานไปเลย!
- ความถูกต้อง: ลด human error เพราะไม่มีคัดลอก-วางด้วยมือ
- ทำให้เรามีเวลาเหลือในการวิเคราะห์รายงานได้อีกเยอะ และนั่นคือหน้าที่ของเราจริงๆ คือการเอาผลจากรายงานมาปรับปรุงธุรกิจให้ดีขึ้น
- ในอนาคตถ้าจะย้ายไปใช้ Power BI สามารถ Copy Query ที่ทำไปแปะใน Power BI ได้เลย ไม่ต้องทำใหม่ด้วย
พูดง่ายๆ คือใครที่ทำงานกับข้อมูลบ่อยๆ แล้วอยากลดเวลางานที่ซ้ำซาก อยากได้เครื่องมือที่ทั้งทรงพลังและไม่ยากจนเกินไป
Power Query นี่แหละ คือตัวช่วยที่ผมอยากให้ลองจริงๆ
บอกตามตรง มันง่ายกว่าเขียนสูตร Excel ยากๆ อย่าง Array Formula ด้วย LET, LAMBDA + Helper ต่างๆ เยอะเลย ถ้าใครลองแล้วจะรู้!.
เพื่อนๆ ใครชอบ Power Query ตรงไหนก็มาแชร์ประสบการณ์กันได้ครับ หรือสงสัยอะไรเกี่ยวกับมันก็ถามได้เลยนะ ^^



Leave a Reply