Thep Excel
$if – ทำ conditional logic แบบ if-else ใน expression
$if() เป็น n8n built-in convenience function สำหรับทำ conditional logic (if-else) ใน expressions ทำงานเหมือน ternary operator (condition ? true : false) แต่อ่านง่ายกว่า คืนค่าตาม condition ที่กำหนด เหมาะสำหรับแปลง status code เป็นข้อความ ให้ค่า default กรณีข้อมูลหายไป หรือจัดหมวดหมู่ข้อมูลตามเงื่อนไข
=$if(condition, valueIfTrue, valueIfFalse)
Function Metrics
Popularity
10/10
Difficulty
3/10
Usefulness
10/10
Syntax & Arguments
=$if(condition, valueIfTrue, valueIfFalse)
| Argument | Type | Required | Default | Description |
|---|---|---|---|---|
| condition | boolean | Yes | เงื่อนไขที่ต้องการเช็ค ต้อง evaluate เป็น true หรือ false (เช่น $json.status === ‘active’, $json.age >= 18) | |
| valueIfTrue | any | Yes | ค่าที่คืนเมื่อ condition เป็น true (string, number, object, array ได้หมด) | |
| valueIfFalse | any | Yes | ค่าที่คืนเมื่อ condition เป็น false |
How it works
แปลง status code เป็นข้อความที่อ่านง่าย (0/1 → Yes…
แปลง status code เป็นข้อความที่อ่านง่าย (0/1 → Yes/No, active/inactive → Online/Offline)
ให้ค่า default เมื่อข้อมูลเป็น null, undefined, หร…
ให้ค่า default เมื่อข้อมูลเป็น null, undefined, หรือ empty string
จัดหมวดหมู่ข้อมูลตามเงื่อนไข (อายุ, คะแนน, ยอดขาย)
จัดหมวดหมู่ข้อมูลตามเงื่อนไข (อายุ, คะแนน, ยอดขาย)
Conditional formatting หรือ labeling ของข้อมูล
Conditional formatting หรือ labeling ของข้อมูล
Examples
ตัวอย่างที่ 1: แปลง status เป็นข้อความ
{{ $if($json.status === 'active', 'Online', 'Offline') }}
={{ $if($json.status === 'active', 'Online', 'Offline') }}
Online
ตัวอย่างที่ 2: ให้ค่า default กรณีข้อมูลว่าง
{{ $if($json.name, $json.name, 'Unknown User') }}
={{ $if($json.name, $json.name, 'Unknown User') }}
John
ตัวอย่างที่ 3: จัดหมวดหมู่ตามช่วงค่า
{{ $if($json.total >= 1000, 'Premium', 'Standard') }}
={{ $if($json.total >= 1000, 'Premium', 'Standard') }}
Premium
ตัวอย่างที่ 4: ซ้อน $if สำหรับหลายเงื่อนไข
{{ $if($json.score >= 80, 'A', $if($json.score >= 60, 'B', 'C')) }}
={{ $if($json.score >= 80, 'A', $if($json.score >= 60, 'B', 'C')) }}
A
FAQs
$if() กับ ternary operator (? 🙂 ต่างกันอย่างไร?
ทำงานเหมือนกันทุกประการครับ $if(condition, valueIfTrue, valueIfFalse) เท่ากับ condition ? valueIfTrue : valueIfFalse แต่ $if() อ่านง่ายกว่าสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคย JavaScript เลือกใช้ตามความชอบได้เลย ส่วนตัวผมชอบ $if() มากกว่าเพราะชัดเจนว่าค่าไหนเป็น true ค่าไหนเป็น false ครับ
สามารถ nest (ซ้อน) $if ได้กี่ชั้น?
ซ้อนได้ไม่จำกัด แต่ไม่แนะนำเกิน 2-3 ชั้น เพราะอ่านยาก ถ้า logic ซับซ้อนควรย้ายไป Code node หรือใช้ Switch node แทนเพื่อความชัดเจน
ถ้า condition เป็น undefined จะได้อะไร?
undefined เป็น falsy จะคืน valueIfFalse ต้องระวัง falsy values อื่นๆ ด้วย: 0, ”, null, NaN, false ล้วน falsy ทั้งหมด ถ้าต้องการเช็คแบบ strict ใช้ !== null หรือ !== undefined
Resources & Related
Resources
-
n8n Expressions Documentation
article -
n8n Check Incoming Data Cookbook
article -
n8n Community: If/Else in Expressions
article
Related posts
Related functions
Additional Notes
$if() เป็น n8n built-in function (ไม่ใช่ JavaScript standard) สำหรับทำ conditional logic ใน expressions ทำงานเหมือน ternary operator แต่อ่านง่ายกว่าสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคย JavaScript
ที่เจ๋งคือ syntax มันตรงไปตรงมามาก: $if(condition, valueIfTrue, valueIfFalse) ไม่ต้องจำว่า ? กับ : อยู่ตรงไหน
ส่วนตัวผมใช้ $if() บ่อยมากใน Set node สำหรับแปลง status code หรือให้ค่า default เพราะอ่านง่ายกว่า ternary operator เยอะครับ