CALENDARAUTO สร้างตารางวันที่อัตโนมัติโดยอิงช่วงวันที่ที่พบในโมเดล และสามารถกำหนดเดือนสิ้นสุดปีบัญชีได้ เหมาะกับการสร้าง Date table แบบเร็ว ๆ แต่ควรระวังค่าวันที่ผิดปกติในข้อมูล
=CALENDARAUTO([<FiscalYearEndMonth>])
=CALENDARAUTO([<FiscalYearEndMonth>])
| Argument | Type | Required | Default | Description |
|---|---|---|---|---|
| FiscalYearEndMonth | number | Optional | 12 | เดือนสิ้นสุดปีบัญชี (1-12) เช่น 3 หมายถึงสิ้นสุดมีนาคม |
เริ่มต้นทำโมเดลเวลาโดยไม่ต้องระบุช่วงเอง
กำหนดเดือนสิ้นสุดปีบัญชีเพื่อให้ตารางครอบคลุมช่วงปีบัญชีครบ
Date Table = CALENDARAUTO()Date Table =
CALENDARAUTO()
ได้ตารางวันที่ครอบคลุมช่วงปีที่พบในโมเดล
Date Table (Fiscal) = CALENDARAUTO(3)=Date Table (Fiscal) =
CALENDARAUTO(3)
ได้ตารางวันที่ที่ครอบคลุมช่วงปีบัญชีตามที่กำหนด
Date Table (With Year) = ADDCOLUMNS( CALENDARAUTO(), "Year", YEAR([Date]) )=Date Table (With Year) =
ADDCOLUMNS(
CALENDARAUTO(),
"Year", YEAR([Date])
)
ได้ตารางวันที่พร้อมคอลัมน์ Year
มักเกิดจากข้อมูลมีค่าวันที่หลุดช่วง (เช่น ปีเก่ามากหรือไกลมาก) ทำให้ช่วงปีที่สแกนได้กว้างและตารางยาวตามไปด้วย
ถ้าต้องการควบคุมช่วงเวลาให้แน่นอนให้ใช้ CALENDAR แต่ถ้าต้องการเริ่มเร็วและข้อมูลวันที่ในโมเดลสะอาด CALENDARAUTO จะสะดวกกว่า
CALENDARAUTO ใช้สร้างตารางวันที่แบบอัตโนมัติ โดยสแกนคอลัมน์วันที่ในโมเดลเพื่อหาช่วงปีที่ครอบคลุมข้อมูล แล้วสร้างตารางวันที่ให้ครอบคลุมทั้งปีเริ่มต้นจนถึงปีสิ้นสุด เหมาะกับการเริ่มต้นทำ Time Intelligence แบบรวดเร็ว แต่ควรระวังค่าวันที่ผิดปกติที่ทำให้ตารางยาวเกินจำเป็น