ตัวอย่างที่ 1: จัดการกรณี XLOOKUP หาไม่พบ
– ถ้า XLOOKUP หา "ProdX" ไม่พบ จะคืนค่า Error #N/A
– IFERROR จะดักจับ Error นั้นและแสดงข้อความ "ไม่พบ" แทน
=IFERROR(XLOOKUP("ProdX", ProductIDs, ProductPrices), "ไม่พบ")
ไม่พบ
กำหนดค่าทดแทนเมื่อสูตรเกิด error
IFERROR คืนค่าแทนเมื่อสูตรให้ผลเป็น error (#N/A, #VALUE!, #DIV/0!, ฯลฯ) และคืนค่าปกติเมื่อไม่เกิด error เหมาะกับการซ่อน error ในการค้นหา แบ่งศูนย์ หรือคำนวณที่อาจล้มเหลว
=IFERROR(value, value_if_error)
=IFERROR(value, value_if_error)
| Argument | Type | Required | Default | Description |
|---|---|---|---|---|
| value | any | Yes | ค่าสูตรหรือค่าที่ต้องการตรวจ error | |
| value_if_error | any | Yes | ค่าที่คืนเมื่อเกิด error |
ห่อ VLOOKUP/XLOOKUP ด้วย IFERROR เพื่อแสดงข้อความอ่านง่าย
ใช้ IFERROR ครอบการหารที่ตัวหารอาจเป็นศูนย์
แทน error ด้วยค่าว่างหรือ 0 เพื่อให้กราฟ/สรุปไม่พัง
=IFERROR(XLOOKUP("ProdX", ProductIDs, ProductPrices), "ไม่พบ")
ไม่พบ
=IFERROR(Revenue/Units, 0)
=IFERROR(VALUE(TextValue), "")
IFERROR จับ error ทุกชนิด ส่วน IFNA จับเฉพาะ #N/A
ใช้เฉพาะจุดที่คาดว่าจะเกิด error และมีค่าทดแทนที่เหมาะสม อย่าครอบทั้งชีทเพราะอาจซ่อนปัญหาที่ควรแก้
IFERROR ตรวจสอบว่าค่ามี error หรือไม่ ถ้ามีให้คืนค่าที่กำหนดแทน ช่วยให้รายงานสะอาดและอ่านง่าย